เขาช้างเผือก กาญจนบุรี

จะพาพี่น้องและเพื่อน ๆ ทุกคนไปเที่ยวพร้อมกัน
..
ซึ่งทริปนี้แอดได้เสื้อผ้าคอลเล็คชั่นเท่ ๆ อีกทั้งหมอนรองคอและหมวกเก๋ๆ จาก SNOWY WEIZEN BY EST.33 จึงทำให้ทริปเดินป่าครั้งนี้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้นและถ่ายรูปสวย ๆ ได้มากขึ้นอีกเป็นกองเลย
..
เอาล่ะ หากพร้อมแล้วก็วอร์มร่างกายรอ จะขอจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่แอดเอามาฝากก็ไม่ว่ากัน และสิ่งที่สำคัญอย่าลืมคอมเม้นท์ ไลค์และแชร์เป็นกำลังใจให้แอดไปหาที่เที่ยวใหม่ ๆ
มาฝากทุกคนกันด้วยนะครับ
..
#ความชิลที่รู้สึกได้ #snowyweizen
#letitsnow #ลาพักเที่ยวเขาช้างเผือก
#ลาพักเที่ยวกาญจนบุรี

ไฮไลท์ทริป: ยอดเขาช้างเผือกมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,249 เมตร เป็นเขาที่ถือว่าไม่สูงมากสามารถเที่ยวได้แบบไม่ลำบากเท่าไรครับ ใครที่คิดว่าไม่ไหว อยากให้ลองคิดใหม่ เพราะที่แห่งนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากเดินเขาแบบชิล ๆ หรืออยากพอคนที่เรารักมาเสพธรรมชาติแบบสบาย ๆ ก็ได้เช่นกันครับ

ช่วงระยะเวลาที่เปิดให้เราเที่ยวนั้นจะอยู่ช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ครับโดยมีข้อควรทราบดังนี้

1. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จำกัดนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดเขาช้างเผือกไม่เกิน 60 คนต่อวัน

2. ค่าบริการลูกหาบ ลูกหาบหนึ่งคนจะคิดค่าบริการคนละ 1,500 บาท แบกรวมได้น้ำหนักสูงสุดที่ 30 กิโลกรัม ดังนั้นเราสามารถแชร์น้ำหนักกับเพื่อนได้เลยครับ

3. ค่าบริการเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่เป็นผู้นำทางจะจัดเป็นกลุ่มกลุ่มละ 10 – 12 คน หารแล้วค่าใช้จ่ายจะตกเหลือคนละ 200 บาทนิด ๆ ครับ ค่าเช่าเต้นท์ 225 บาท ค่าเช่าถุงนอน 30 ผ้าปูรองนอน 20 บาท หมอนลูกละ 10 บาท ค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน 40 บาท และค่ากางเต้นท์ 30 บาท

4. นักท่องเที่ยวควรมีการเตรียมความพร้อมร่างกายให้แข็งแรง ควรเตรียมหมวก เสื้อแขนยาว แว่นกันแดด ไฟฉาย ของใช้ส่วนตัว
และอุปกรณ์การเดินทางที่เหมาะสม

ไฮไลท์ทริป : หนึ่งไนไฮไลท์ของการเดินป่า
ก็คือการได้มานอนใต้ฟ้าที่มีดาวนับล้านเป็นผ้าห่มให้เรานี่ล่ะครับ แอดกล้าพูดเลยว่ารูปที่เก็บมาฝากนั้นสวยได้เพียงเศษเสี้ยวของความรู้สึกเมื่อ ได้พบเจอจริง ๆ ยิ่งได้ออกไปยืนหายใจช้า ๆ สัมผัสอากาศเย็น ๆ ให้ความเงียบเปิดเผยเสียงแว่วเรไรของแมลงน้อยใหญ่ที่พากันร้องเพลงต้อนรับเรา ยิ่งถ้าใครเตรียมเพลย์ลิสสบาย ๆ ใส่หูฟังกับคนรักข้าง ๆ กันละก็..ใครอยากชิลเข้าเส้นเลือดต้องมาแล้วล่ะครับ

ความยากของการพิชิตเขาช้างเผือกนั้นยากสุดอยู่ที่การจองเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นการวัดแต้มบุญกันเลยทีเดียว แต่เชื่อเถอะว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจจริง ๆ เพราะแอดเองก็โทรทั้งวี่ทั้งวันจนได้สิทธิ์ในการขึ้นเขานั้นมาครอง

ส่วนใครสนใจอยากจองลองโทรไปที่หมายเลข 0-3451-0979 และ 09-8252-0359 เท่านั้น ตั้งแต่ 08.00-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ และจองได้ครั้งละไม่เกิน 5 คนเท่านั้นนะครับ นอกจากการจองแล้วที่เหลือก็เป็นเรื่องง่าย ๆ โฟกัสที่การเตรียมเสื้อผ้า ซ้อมท่าถ่ายรูป แล้วเตรียมเปลี่ยนนิยามของคำว่าเดินเขาต้องลำบากกันได้เลย
การเตรียมตัวก่อนการปีนเขานั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญนะครับ เพื่อน ๆ ควรเตรียมความพร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ว่าจะเริ่มต้นออกกำลังกายเบา ๆ ในทุก ๆ ก่อนวันขึ้นเขาเพื่อให้สภาพร่างกายพร้อมรับความเหนื่อยล้า นอกจากนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นกระติกน้ำและหยูกยาก็สำคัญเช่นกัน แต่เรื่องเครื่องแต่งกายนั้น แอดขอมอบให้ SNOWY WEIZEN BY EST.33 ดูแล เพราะเขาให้เสื้อโปโลเท่ ๆ มาพร้อมคู่กันกับเสื้อแขนยาวกันลมกันหนาว ๆ จะใส่เองทั้งสองตัวหรือจะมอบให้คนข้างกายเป็นเสื้อคู่ก็เก๋ไม่หยอกนอกจากนั้นยังมีหมวกบักเก๊ตและหมอนรองคอที่สีสันคุมโทนที่ช่วยทำให้ทริปนี้ชิลขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลยครับ
เอาล่ะ เตรียมข้าวเตรียมของเสร็จแล้ว
ก็นำมาให้ลูกหาบชั่งน้ำหนักในกรณีที่เราจะใช้บริการลูกหาบนะครับ ส่วนพวกเราก็เดินสบาย ๆ ถ่ายรูปไปพลาง ชมนก ชมไม้ สายลม เติมเต็มความสุขง่าย ๆ ด้วยของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้ ชิลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
ระยะทางทั้งหมดของเขาช้างเผือกนั้นจะประมาณ 8 กิโลเมตรเองครับโดยช่วงแรกพวกเราจะผ่านป่าโปร่ง ๆ เป็นเนินเตี้ยบ้าง สูงบ้าง แต่ทางเดินก็ไม่เป็นอุปสรรคเท่าไรนัก แถมได้หมวกบักเก็ตเท่ ๆ ของ SNOWY WEIZEN BY EST.33 บอกลาแดดร้อน ๆ สัมผัสลมเย็น ๆ เอ็นจอยกับทัศนียภาพชิล ๆ มาเปิดโลกการพักผ่อนรูปแบบใหม่ที่เป็นการเดินเขาแบบที่สบายกว่าที่คิดไว้มาก ๆ เลยล่ะ
พวกเราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 9 โมงเช้า และใช้เวลาเดินแค่ 4 ชั่วโมงนิด ๆ ก็จะมาถึงจุดกางเต็นท์ครับ หลังจากนั้นก็เดินอีกแค่ 500 เมตรจากจุดกางเต็นท์ก็จะถึงยอดเขาช้างเผือกแล้ว ซึ่งระหว่างทางที่เราเดินไปยอดนั้นก็จะผ่านจุดวัดใจที่เป็นไฮไลท์ของเขาช้างเผือกหรือที่ทุกคนเรียกว่า “สันคมมีด” นั่นเอง
เอาล่ะ หลังจากกางเต็นท์เสร็จเราก็พักนั่งดื่มน้ำดื่มท่าเหยียดขายืดแข็งเรียกเรี่ยวแรงและกำลังใจเตรียมความพร้อมสู่การเดิน ไปหาไฮไลท์ของเขาช้างเผือก ณ สันคมมีด ครับ
สันคมมีด จุดนี่ล่ะครับที่หวาดเสียวที่สุด เนื่องจากทางเดินบริเวณดังกล่าวจะเป็นสันเขาบาง ๆ แคบ ๆ ความกว้างไม่เกินหนึ่งเมตร อย่างไรก็ตามพี่ ๆ เจ้าหน้าที่อุทยานจะคอยคุ้มกันทุก ๆ คนให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องห่วงทำใจให้สบาย บอกแล้วทริปนี่เที่ยวง่าย อากาศดี
มีแต่ความชิลจ้า
รู้สึกตัวอีกทีก็ถึงยอดเขาแล้วล่ะครับ แอดเชื่อว่าหลาย ๆ ยังแอบคิดว่ามาเที่ยวที่นี่ต้องลำบากแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วคือเดินง่ายสบายมาก ๆ อยากเชิญชวนใครที่อยากสัมผัสความชิลและความงดงามจากธรรมชาติ เบื้องยอดเขา มายิ้มกว้างกับแสงอาทิตย์ที่สาดทอไล่เฉดสีต้นไม้น้อยใหญ่ให้กลายเป็น สีเหลืองทองสลับทับซ้อนยาวไปสุดลูกหูลูกตา มาให้ลมเย็น ๆ คลายเส้นเครียดจากภาระงานในขณะที่เสพทัศนียภาพ 360 องศารอบกาย พวกเราทุกคนต่างพากันสูดหายใจกันให้เต็มปอดและซึมซับกับบรรยากาศตรงหน้า ก่อนจะเริ่มเข้าโหมดเซลฟี่เก็บภาพมาฝากทุกคนครับ
อีกหนึ่งเรื่องที่ควรเตรียมสำหรับการเดินป่าก็คือ พกมาม่า อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ ตามทักษะหุงต้มที่มีมาด้วยนะ ยิ่งถ้ามากันหลาย ๆ คนจะได้มีช่วงเวลาที่ได้นั่งล้อมวงทานอาหารที่ทำเองด้วยกัน
ใครจะไปคิดว่าการทำอาหารบนเขามันจะง่าย สนุก
และชิลขนาดนี้เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่จะได้กระชับความสัมพันธ์เพิ่มพลังวังชาให้แข็งกล้าก่อนกลับไปทำงานได้อย่างดีเลยล่ะ

ปล. น้องหมาน่ารักมาก คอยเดินตามดูแลตลอดเลย
เกือบลืมบอกไป สำหรับใครที่ทำอาหารใด ๆ ไม่เป็นเลยก็ไม่ต้องกังวลเพราะด้านล่างเขามีร้านอาหารอยู่ ก็ใช้บริการซื้อใส่ห่อมาก็ได้ครับ อ้อ ขยะใด ๆ ที่เอาขึ้นไปอย่าลืมเอากลับมานะครับ หรือไม่ถ้าเจอขยะก็ช่วยกันเก็บลงมาด้วยคนละไม้คนละมือเพื่อรักษาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ให้สร้างความสุขให้พวกเราต่อไปนาน ๆ 

ไหน ๆ มีใครยังไม่เคยเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าบ้าง!
ท้องฟ้าบนเขาช้างเผือกนี้เหมือนเขาเอาสเปรย์กากเพชรมาพ่นไว้เลยครับ มองไปทางไหนก็มีแต่แสงระยิบระยับนับไม่ถ้วน แถมอากาศก็แสนดีอยู่ที่ 17 องศาซึ่งไม่หนาวจนเกินไป แอดมองเห็นหลาย ๆ คนออกมานั่งเงียบ ๆ หน้าเต็นท์ของตัวเอง สายตาเกือบทุกคู่แหงนหงายมองขึ้นบนฟ้า ใช้เวลาช้า ๆ ไปกับความสุขที่ไม่มีสิ่งไหนนอกเหนือจากธรรมชาติที่มอบให้เราได้ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เข็มนาฬิกาเดินช้าลง ในขณะที่ขีดจำกัดของความชิลที่พุ่งปรอทแห่งความสุข ใครกำลังจมอยู่ในโมเม้นท์แห่งความทุกข์ แอดอยากเชิญทุกคนมาสัมผัสบรรยากาศที่จะเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตที่นี่ครับ


รู้ตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว..แสงเช้าของวันใหม่
เริ่มฉายพาดลงบนทุกอย่างใต้ผืนฟ้าบอกลายามราตรีไปความชื้นของไอน้ำบนผืนหญ้า กลิ่นหอม ๆ จากดินและผืนป่า แม้ฤทธิ์ของมันจะทำให้ดวงตาสว่างกว่าการดื่มกาแฟ แต่ไม่ใช่การดีดของสารเคมีที่กระตุ้นหัวใจ หากเป็นเพียงบรรยากาศ

ความรู้สึก ความลงตัวของความรู้สึกผ่อนคลายที่หายไปนาน ที่มันบอกใจแอดว่าตักตวงไว้ให้ได้มากที่สุดเถอะนะ
..
ยิ่งไปกว่านั้นเช้าวันนี้ ธรรมชาติใจดีมอบหมอกขาว ๆ
ที่ลอยฟุ้งเป็นรางวัลให้คนตื่นไว พวกเราพากันล้างหน้าล้างตา
แล้วก็ออกไปยืนยิ้มให้พระอาทิตย์ที่กำลังจะเข้างานสู่น่านฟ้าไทยอีกครั้ง
ณ เวลานี้มีความสุข ขนจะพิมพ์ว่ามีความสุขทุก ๆ
บรรทัดแล้วครับทุกคน ชิลจังเลยยยยยยยยย

จะเหนื่อยแค่ไหน แค่มีเธอใกล้ ๆ ก็ชิลแล้วบังเอิญว่าทริปเขาช้างเผือกนั้นไม่ได้เหนื่อยอย่างที่คิด แถมได้ใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่มีคนสำคัญอยู่ข้าง ๆ ทุกวินาทีที่ก้าวไปพร้อมๆ กัน ผลัดกันส่งมอบรอยยิ้มเสียงหัวเราะ ต่างได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันเมื่อบทสนทนาเงียบลง วินาทีที่มีแค่ความสุขบนโลกใบเล็ก สิ่งเหล่านี้คือความรู้สึกที่แอดเองคงไม่สามารถส่งผ่านรูปถ่ายได้ เพียงแต่หวังใจให้ทุกคนลองก้าวออกไปสัมผัส ไปจัดทริปแห่งความชิล ให้อณูแห่งความสุขปลิวไสวรอบตัวเรากันครับ

เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวพวกเราก็เก็บเต็นท์สัมภาระต่าง ๆ แบกใส่บ่าเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวพร้อมกลับกันแล้ว แต่ก่อนกลับก็ขอเก็บภาพคู่ที่มีชุดคู่น่ารัก ๆ จาก SNOWY WEIZEN BY EST.33 เป็นที่ระลึกหน่อย ไม่งั้นทริปนี้ไม่มีคอสตูมดี ๆ ทีเป็นเสื้อโปโลกับเสื้อแขนยาวไว้เอาเข้าคู่เข้าธีมแถมยังอำนวยความสะ ดวกทั้งหมอนรองคอไว้หนุนหนอน ทั้งหมวกบักเก็ตไว้ให้ผู้สาวกันแดดแถมถ่ายรูปออกมาก็ดูสวยงามดีด้วย



เมื่อลงจากเขาก็อย่าลืมมาเอาเกียรติบัตรที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเราเคยพิชิตเขาช้างเผือกครับ
..
สุดท้ายนี้แอดก็ขอย้ำอีกทีว่าเขาช้างเผือกนั้นเที่ยวไม่ยากเลย เดินชิล ๆ เดินตัวปลิวสบาย ๆ มีความสุขได้ง่าย ๆ เข้ากับสไตล์เพจลาพักเที่ยวที่ทุกความสุขเป็นเรื่องง่ายสุด ๆ ยิ่งไปกว่านั้นการได้ก้าวออกจากกรอบความกลัวและตัดสินใจเดินเขาครั้งนี้ก็สร้างความรู้สึกดี ๆ ให้กับตัวแอดไม่น้อยเลยนะ ทั้งได้ออกกำลังกาย ได้ฝึกความอดทนจนไปถึงที่หมาย การทำสิ่งที่เราไม่คิดว่าง่ายได้สำเร็จนั้นสร้างพลังบวกให้เราได้มากจริง